ลืมมอเตอร์ไซค์ 150 ซีซีที่คุณเคยขี่ในชีวิตไปได้เลย!! คำพูดนี้คงไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่อยา่งใด หลังจากที่ได้ลองขับขี่ Honda CB150R ExMotion ที่ผ่านมา งานนี้บอกได้เลยคำเดียวว่า สุโค่ย!! ทั้งสมรรถนะและอิมเมจสมกับนิยามที่ บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ได้ให้คำจำกัดความกับมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้
ต้องเกริ่นก่อนว่า Honda CB150R ExMotion ได้มีการเปิดตัวไปเเล้วที่งาน The ExMotion World Premier Launchเมื่อวันที่ 4กันยายนที่ผ่านมา พร้อมกับกระเเสตอบรับที่่มีคนพูดถึงกันมากทั้งในโซเชี่่ยลมีเดีย และวงการนักไบค์เกอร์ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญถึงมอเตอร์ไซค์พันธุ์ใหม่ดีไซน์โดดเด่นด้วยสไตล์โมเดิร์นคาเฟ่เเละการนำเทคโนโลยีจากบิ๊กไบค์มาใส่รถสปอร์ตขนาด 150 ซีซี. คล้อยหลังจากวันเปิดตัวไม่กี่วันทาง บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ได้จัดกิจกรรมทดสอบขับขี่รถจักรยานยนต์ Honda CB150R ExMotion ขึ้นที่ สนาม ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี เอเชีย แปซิฟิก ปราจีนบุรี แน่นอนว่างานนี้ Auto.MThai ไม่พลาดที่จะร่วมเป็นสื่อมวลชนกลุ่มแรกของโลกที่ได้ทดลองขี่

เมื่อคณะสื่อมวลชนต่างเดินทางมาถึง สนาม ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี เอเชีย แปซิฟิก ปราจีนบุรี อันดับแรกก่อนลงสนามต้องรับฟังข้อมูลของ Honda CB150R ExMotion กันก่อนจากเหล่าผู้บริหารเเละเหล่าสต๊าฟจาก Honda หลังจากนั้นจะเป็นการบรีฟถึงรายละเอียดการทดสอบขับขี่ในสนามและกฏกติกามารยาทที่ต้องปฏิบัติเมื่ออยู่ในสนามทดสอบ โดยการทดสอบในครั้งนี้จะแบ่งการขับขี่ออกเป็น 3 สเตชั่นได้แก่ 1. Straight Course 2.Wind Course 3.Oval Course ซึ่งในแต่ละสเตชั่นจะมีความแตกต่างในด้านการทดสอบสมรรถนะที่แตกต่างกัน หลังเสร็จจากช่วงบรีฟจากนั้นกิจกรรมการทดสอบจะเริ่มขึ้นในช่วงบ่าย


แต่ก่อนที่เราจะไปทดสอบการขับขี่ในสนาม ลองมาทำความรู้จักกับมอเตอร์ไซค์คันนี้กันแบบคร่าวๆ สักหน่อย Honda CB150R ExMotion คือมอเตอร์ไซค์สปอร์ตตระกูล 150 ซีซี. ในระดับโลกและในประเทศไทย เครื่องยนต์ออกแบบใหม่ขนาด 150 ซีซี. Generation 2017 DOHC 4 วาล์ว แบบ Roller Rocker Arm เกียร์ 6 สปีด ลูกสูบเคลือบโมลิบดีนั่ม ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI มาตรฐานไอเสียระดับ 6 ทำให้เครื่องแรง อัตราเร่งดี เร้าใจทุกการขับขี่ แต่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วนโช้คอัพหน้าแบบหัวกลับขนาดใหญ่ 41 มม. ใหญ่สุดในรถสปอร์ต 150 ซีซี ขนาดเดียวกับ X-ADV 750 บิ๊กไบค์สายลุย ท่อไอเสียแบบสั้น ดีไซน์ใหม่ ที่วางอยู่ใกล้กับเครื่องยนต์ ระบบไฟ Full LED ทั้งคัน พร้อมเรือนไมล์ Full LCD Multifunction Meter ที่บอกฟังก์ชั่นการใช้งานอย่างครบครัน
ในส่วนของเฟรมได้รับการออกแบบและพัฒนาขึ้นมาใหม่ให้เน้นการรวมมวลมาที่จุดศูนย์ถ่วงแบบ Inner Pivot Type Diamond Frame โดยเป็นการวางจุดศูนย์รวมของน้ำหนักให้อยู่ใกล้ผู้ขับขี่มากที่สุด เพื่อการควบคุมง่ายทุกสไตล์การขับขี่ เสริมความโดดเด่นด้วยดีไซน์ถังน้ำมันใหม่ที่มาพร้อมฝาถังน้ำมันแบบ Airplane Tank Cap เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยกับระบบเบรกหน้าหลัง ABS G-Sensor ที่มาพร้อมกับดิสก์เบรกหน้าจุดยึดแบบเรเดียลเมาท์ จานเบรกแบบแยกชิ้นขนาด 296 มม. คาลิปเปอร์แบบ 4 พอต ที่เป็นเทคโนโลยีจากสนามแข่ง สวิงอาร์มสไตล์บิ๊กไบค์ เสริมความมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยยางหลังขนาดใหญ่ หน้ายางกว้าง 150 มม.

พร้อมกับ 5นิยามสุโค่ย!! ของ Honda CB150R ExMotion ที่คุณต้องตะลึงเริ่มตั้งแต่ 1. ผู้ที่พัฒนารถรุ่นนี้เป็นผู้พัฒนารถ RC211, RC213V-S และรถซุปเปอร์สปอร์ตหลายๆรุ่นของฮอนด้า อาทิ CBR600RR ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความรู้และความชำนาญเกี่ยวกับรถสปอร์ตเป็นอย่างดีและได้ถ่ายทอด DNA ความเป็นสปอร์ตมาสู่ CB150R คันนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
2.เครื่องยนต์ใหม่ขนาด 150 ซีซี. ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แรงและเร้าใจกับผู้ได้ขับขี่
3.การออกแบบที่คิดมาอย่างพิถีพิถันที่เน้นการรวมมวลมาที่จุดศูนย์ถ่วงของตัวรถมากที่สุด และมีการทำให้มีน้ำหนักเบาด้วยการออกแบบให้มวลน้ำหนักมาอยู่ใกล้ผู้ขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ง่ายและขับขี่สนุก
4.อุปกรณ์ต่างๆที่ใส่มาในรถคันนี้เป็นสเป็คระดับเดียวกันกับรถบิ๊กไบค์ ไม่ว่าจะเป็น โช้คอัพหัวกลับขนาดเดียวกับ X-ADV 750 หรือเบรกหน้าเรเดียลเมาท์ 4 พอต พร้อม ABS G- Sensor ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีอยู่ใน CBR1000RR
5.ร่วมกับแบรนด์ตกแต่งชั้นนำจากญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น Moriwaki, G’Craft และ Kitaco มาร่วมออกแบบและผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่ง เพื่อเสริมให้ CB150R คันนี้โดดเด่นและดึงดูดทุกสายตา พร้อมสะท้อนความมีสไตล์ของโมเดิร์นคาเฟ่ได้อย่างลงตัว
2.เครื่องยนต์ใหม่ขนาด 150 ซีซี. ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แรงและเร้าใจกับผู้ได้ขับขี่
3.การออกแบบที่คิดมาอย่างพิถีพิถันที่เน้นการรวมมวลมาที่จุดศูนย์ถ่วงของตัวรถมากที่สุด และมีการทำให้มีน้ำหนักเบาด้วยการออกแบบให้มวลน้ำหนักมาอยู่ใกล้ผู้ขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ง่ายและขับขี่สนุก
4.อุปกรณ์ต่างๆที่ใส่มาในรถคันนี้เป็นสเป็คระดับเดียวกันกับรถบิ๊กไบค์ ไม่ว่าจะเป็น โช้คอัพหัวกลับขนาดเดียวกับ X-ADV 750 หรือเบรกหน้าเรเดียลเมาท์ 4 พอต พร้อม ABS G- Sensor ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีอยู่ใน CBR1000RR
5.ร่วมกับแบรนด์ตกแต่งชั้นนำจากญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น Moriwaki, G’Craft และ Kitaco มาร่วมออกแบบและผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่ง เพื่อเสริมให้ CB150R คันนี้โดดเด่นและดึงดูดทุกสายตา พร้อมสะท้อนความมีสไตล์ของโมเดิร์นคาเฟ่ได้อย่างลงตัว
เเละเมื่อถึงเวลาที่ต้องลงสนามทาง Honda ได้จัดการทดสอบการขับขี่เป็น 3กรุ๊ป โดยทุกกรุ๊ปจะใช้ระบบเวียนทั้ง 3สเตชั่น โดย auto.MThai ถูกจัดอยู่ในกรุ๊ปบี ซึ่งจะเริ่มจากสเตชั่นที่1 Straight Course ก่อน สเตชั่นนี้จะเป็นการทดสอบการขับขี่ที่เน้นในเรื่องการออกตัว ระบบเบรก Radial Mount 4 POT พร้อมระบบ ABS G-Sensor เมื่อออกตัวจากจุดสตาร์ทวิ่งทางตรงด้วยความเร็วประมาณ 70-80 กม/ชม. เมื่อถึงระยะ 400 ให้ชะลอความเร็วและหยุดมอเตอร์ไซค์ในระยะ 100 เมตรข้างหน้า จากนั้นออกตัวทางตรงต่อไปอีก 300เมตรก่อนจะชะลอความเร็วเเละหยุดในระยะ 100 เมตร ก่อนจะออกตัวอ้อมวงเวียนวนซ้ายก่อนหยุดอีกครั้ง และคราวนี้เป็นการออกตัวซัดทางตรงยาวทางเดิมกับขามา แต่ครั้งนี้ไม่มีการเบรกแต่อย่างใดวิ่งตรงยาวก่อนจะชะลอความเร็วในช่วง 200 เมตรก่อนถึงจุดสตาร์ทที่ออกตัวมาครั้งแรก ในสเตชั่นนี้การขับขี่ Honda CB150R ExMotion สัมผัสได้ถึงการออกตัวที่คล่องตัวทันใจต้องการ รอบบิดความเร็วเร่งขึ้นฉับไว ทุกครั้งที่รอบทำงานไฟเตือนการเปลี่ยนเกียร์ Shift Light จะเเสดงบนเรือนไมล์ LCD ระบบเบรกสั่งการหยุดได้แบบไม่มีอะไรให้ต้องลุ้น ช่วงทางตรงขากลับอัดความเร็ว 110-120 กม/ชม. ได้แบบสบายๆ ในอัตเร่งช่วงปลาย

ต่อมาคือ Oval Course สเตชั่นเเห่งนี้จะเป็นการทดสอบการวิ่งทางตรงด้วยความเร็วก่อนจะเข้าโค้งด้วยความเร็ว 120 กม/ชม. ซึ่งเป็นการทดสอบระบบช่วงล่างตั้งแต่ยางที่เกาะถนน ด้วยความที่ Honda CB150R ExMotion ใช้ยางหลังขนาดใหญ่ หน้ายางกว้าง 150 มม. การวิ่งในระดับความเร็ว 110-120 กม/ชม. เเล้วเข้าโค้งให้ความรู้มั่นใจเหมือนกับกำลังเข้าโค้งด้วยรถบิ๊กไบค์ เพราะด้วยขนาดของไซส์ยางที่ใช้ได้กับรถบิ๊กไบค์ทำให่้การเข้าโค้งไม่มีอาการสะบดหรือสไลด์ ในสเตชั่นนี้ผู้สื่อข่าวจะได้ขี่กันคนละสามรอบ เรียกว่าเป็นสเตชั่นที่้ใช้ทดสอบอัตราเร่งการทำความเร็วเเละการเข้าโค้งได้เป็นอย่างดี

สเตชั่นสุดท้ายคือ Wind Course ที่เป็นการจำลองสภาพพื้นผิวถนนที่เราสามารถพบเจอได้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นพื้นถนนที่เป็นเนิน ทางโค้งมุมอับ สเตชั่นนี้จะใช้ทดสอบทั้งหมดแบบครบเซ็ตทั้ง อัตราเร่ง, การควบคุมรถ, ระบบช่วงล่าง, ความคล่องตัวของรถ, ไฟเตือนเกียร์โดยมีจุดที่ต้องระวังถึงสามจุดด้วยกันในสเตชั่นนี้คือทางโค้งทั้งสาม ทางสต๊าฟฟ์ได้ให้คำแนะนำว่าในสเตชั่นนี้ตำแหน่งของเกียร์ขณะเข้าโค้งควรอยู่ที่เกียร์ 3 เเละในทางปกติไม่ควรใช้ความเร็วสูงเพราะด้วยสภาพถนนไม่เบี่ยงตลอดเวลา ไม่ควรใช้เกียร์เกินตำแหน่งเกียร์ 5 แต่สิ่งที่ได้ในสเตชั่นนี้คือการได้สัมผัสถึงความคล่องตัวการบังคับขณะขับขี่ ซึ่งเราสามารถสัมผัสไๆด้ถึงการบังคับที่ค่องตัว น้ำหนักของมอเตอร์ไซค์ที่เบาเข้าโค้งได้แบบไม่ต้องฝืน เบี่่ยงซ้าย-ขวาได้แบบอิสระขณะขับขี่ อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้การบังคับขณะขับขี่ง่ายเนื่องจากการจัดวางท่านั่งของผู้ขับขี่ที่ตัวมอเตอร์ไซค์จัดให้ผู้ขี่มีท่านั่งที่สามารถบังคับตัวมอเตอร์ไซค์ได้ดีขึ้นกว่าเดิม

สรุปแล้วหลังจากที่ได้ทำการทดสอบการขับขี่จบทั้งสามสเตชั่นสิ่งแรกที่ประทับในคือความคล่องตัวที่คิดว่าเหมาะต่อการใช้งานในการขับขี่จริง ยิ่งสภาพการจรจรที่ติดขัด Honda CB150R ExMotion น่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ตอบโจทย์ได้ดีในการคล่องตัว รองลงมาคือสมรรถนะของเครื่องยนต์, ระบบกันกระแทกช่วงล่างที่นุ่มนวลมอเตอร์ไซค์ไม่โยกไม่ส่ายเมื่อใช้ความเร็วขณะเข้าโค้ง, ไฟเตือนบอกตำแหน่งเกียร์แสดงตัวเลขดิจิตัลชัดเจน เเละดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวไม่เหมือนใรในสไตล์โมเดิร์นคาเฟ่ที่สำคัญคือ Honda CB150R ExMotion คือมอเตอร์ไซค์ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่แรกของโลก ฉะนั้นเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจว่าไม่มีมอเตอร์ไซค์ 150 ซีซี. ที่ไหนในโลกนี้จะกล้าจัดชุดแต่งบิ๊กไบค์มาให้เหมือนกับ Honda CB150R ExMotion อีกเเล้ว

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อศูนย์จำหน่ายและบริการ Honda Wing Center ทั่วประเทศ โดยรุ่น Standard มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ เทา-ดำ, แดง-ดำ, เขียว-ดำ และดำ ราคาแนะนำโดยประมาณเริ่มต้นที่ 99,800 บาท ส่วนรุ่น ABS มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ เทา-ดำ และดำ ราคาแนะนำโดยประมาณเริ่มต้นที่ 109,800 บาท ขณะที่รุ่นตกแต่งพิเศษมีทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ รุ่น CB150R Street Café ผลิตจำนวนจำกัด 500 คัน ราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 135,200 บาท รุ่น CB150R Scramble Café ผลิตจำนวนจำกัด 1,000 คัน ราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 118,400 บาท และรุ่น CB150R Moriwaki Edition จะพร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น